Darwin Nunez (ดาร์วิน นูเญซ) สุดยอดส่วนหน้า Top Speed แห่งอุรุกวัย ความเร็วสุดต้านทาน จอมทำลายล้างแห่งลิเวอร์พูล ที่ในเวลานี้กำลังมีฟอร์มการเล่นที่กำลังปรับจูนเข้าหาสำเร็จทีมได้ แถมปัจจุบันได้รับเสื้อเบอร์ใหม่หมายเลข 9
Nunez โดยต้องบอกว่าเส้นทางการเติบโตของเขานั้นร้อนแรงเป็นอย่างมากด้วยวัยเพียงแค่ 23 ปี ก็ยังสามารถที่จะจรดปากกาเซ็นสัญญาได้อย่างมั่นคงกับยอดทีมแห่งลิเวอร์พูลไปเป็นที่เรียบร้อยพร้อมกับครองสถิติค่าตัวรวม Add all ที่สูงถึง 85 ล้านปอนด์เลยทีเดียวเดี๋ยวๆ ว่าเป็นการเติบโตที่รวดเร็วเป็นอย่างมากสำหรับยอดนักเตะชาวอุรุกวัยคนนี้เลยทีเดียว สำหรับสิ่งแรกที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอุรุกวัยนั้นเป็นหนึ่งในประเทศที่ผลิตนักเตะฝีเท้าระดับโลกมาแล้วอย่างมากมาย ซึ่งพวกเขาส่งออกนักเตะเหล่านี้ไปลุยในลีกทั้งในยุโรปและ ลีกชั้นนำต่างๆ ทั่วโลกใบนี้อย่างครบครันและอย่างที่ทุกท่านได้รู้ว่านักเตะเหล่านั้นก็สามารถที่จะคว้าแชมป์ต่างๆ มาครอบครองได้
เปิดเส้นทางการเข้าสู่ฟุตบอลอาชีพ
Nunez เด็กหนุ่มคนนี้ได้ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 1999 ณ เมือง อาร์ติกาส ประเทศอุรุกวัย โดยเริ่มต้นเป็นนักฟุตบอลอาชีพครั้งแรกให้กับสโมส penarol ในปี 2013 ด้วยวัยเพียงแค่ 14 ปี ซึ่งเขาคนนี้ยังสามารถที่จะเพิ่มทักษะให้กับตัวเองอยู่นานถึง 3 ปีเลยทีเดียว กับการก้าวขึ้นสู่นักเตะชุดใหญ่พร้อมกับลงสนามในนัดแรกเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2017 ซึ่งสถิติในการเล่นครั้งนั้นไม่สวยหรูเท่าไหร่แต่อย่างไรก็ตามในฤดูกาลแรกกับทีมชุดใหญ่ตัวเขาเองนั้นก็ยังเปิดตัวไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นักก็ต้องเผชิญกับอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า จนทำให้ต้องเข้าผ่าตัดและรักษาตัวอยู่เป็นระยะๆ
พร้อมกันนั้นก็ยังสามารถที่จะกลับมาลงสนามและทำประตูให้กับตัวเองได้สำเร็จในวันที่ 13 ตุลาคม 2018 ที่ช่วยให้ต้นสังกัดเอาชนะ ทีม Centro Atletico Fenix ไปถึง 2 ประตูต่อ 0 ด้วยกัน และหลังจากนั้นก็ถึงเวลาที่เขาจะต้องเก็บกระเป๋าเดินทางไปยังสเปนกับต้นสังกัดใหม่พร้อมเฉิดฉายแสงและสร้างโอกาสในชีวิตให้กับตัวเองอีกครั้ง
การเปิดตัวในถิ่นกระทิงดุ Almeria
ดาร์วิน นูเญซ กับทางด้านทีมต้นสังกัดเดิมที่เขาเล่นนั้นก็ยังไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่นมากเพียงใดแต่ทุกท่านเชื่อไหมว่าสำหรับแมวมองของสโมสร Almeria ทางด้าน เซกุนดาลีกของสเปนนั้น ขอให้เล็งเห็นทางด้านพรสวรรค์ที่ซุกซ่อนจึงตัดสินใจได้คว้าตัวเขามาครองด้วยยอดเงินที่สูงถึง 4.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐมาร่วมในทีมในฤดูกาลที่ 2019-2020 ซึ่งนับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเป็นอย่างมากเพราะตัวเขาเองนั้นได้มีปรากฏการณ์ทางการก้าวสู่เส้นทางสายพัฒนาฝีมือแบบมืออาชีพ
ซึ่งส่งผลให้ความสามารถรุดหน้าแบบก้าวกระโดด ด้วยผลงาน 16 ประตูจากการลงสนามทั้งหมด 32 นัดจึงทำให้ไปเตะตาสโมสร Benfica สุดยอดทีมที่ดังแห่งโปรตุเกสเข้าอย่างเป็นจริงเป็นจังและนี่เป็นสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เขาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศสเปนเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น
เปิดการเดินทางอีกครั้งของเขาสู่แดน Benfica
หลังจากที่เขาได้โชว์ฝีเท้าอันสุดจะเจ๋งและร้ายกาจสุดๆ ทางด้านสโมสร Benfica ได้ทำการตัดสินใจควักเงินมากถึง 24 ล้านยูโรให้กับทีม Almeira เพื่อที่จะทำการกระชากกองหน้านักเตะชาวอุรุกวัยคนนี้มาร่วมทีมให้จงได้ ซึ่งค่าตัวดังกล่าวนั้นนับว่าเป็นหนึ่งในสถิติของสโมสรอีกด้วยอีกทั้งยังมีความเสี่ยงไม่น้อยเพราะตัวเขาเองนั้นยังไม่เป็นที่รู้จักมากเท่าไหร่นัก แต่เรื่องราวกลับตาลปัตรเพราะสโมสรแห่งนี้ทำให้ตัวเขาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกกับการลงเล่นในศึก ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ที่ต้องเผชิญกับ Big Team อย่างมากมายแต่ ดาร์วิน นูเญซ เองกลับไม่ได้มีความเกรงกลัวแม้แต่น้อย ซึ่งพิสูจน์จากการทำประตูด้วยความเยือกเย็นใส่ทีมบาร์เซโลน่า หรืออาแจ็คอัลสเตอร์ดัม ก็ตามที โดยสำหรับเขาคนนี้นั้นเขาใช้เวลาอยู่กับทีม Benfica ไปทั้งสิ้น 2 ฤดูกาลพร้อมกับลงเล่นรวมทุกรายการไปทั้งหมด 85 นัดยิงได้ 48 ประตูเฉลี่ย 0.5 ประตูต่อเกมเลยทีเดียว ซึ่งเป็นหนึ่งในนักเตะที่ทำลายสถิติผู้เล่นของ Benfica ที่ยิงประตูได้เฉลี่ยสูงสุดในยูซีแอล อีกด้วย
Darwin Nunez กับการก้าวเดินในถิ่นแอนฟิลด์
Darwin Nunez เป็นหนึ่งในนักเตะที่ก้าวสู่ทีมยักษ์ใหญ่ได้สำเร็จในเวลารวดเร็วเนื่องจากลิเวอร์พูลได้มีการตัดสินใจทุบคลัง 64 ล้านปอนด์ เพื่อทำตัวกระชากตัวแสบที่ยิงประตูพวกเขามาร่วมทีมเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งอาจจะเรียกว่าหนามยอกเอาหนามบ่งก็คงได้ แต่อย่างไรก็ตามนับว่าเป็นหนึ่งในการเตรียมกองกำลังสำคัญของเขาคนนี้นั้นเป็นหนึ่งในกองหน้าที่มีความฉลาดหลักแหลมเป็นอย่างมากยืนอยู่ถูกจุดเสมอพร้อมกับการวางเท้ายิงได้อย่างแม่นยำ มีความเยือกเย็นสุขุมในระดับเทพเรียกได้ว่าเพชรในตมเลยทีเดียว
ซึ่งยังมีความแข็งแกร่งพร้อมปะทะกองหลังตัวใหญ่ได้แบบสบายๆ กับส่วนสูงที่มากพอในการเจาะกำแพงของคู่ต่อสู้กับการปะทะอีกด้วย ซึ่งสำหรับเขาคนนี้ไม่ว่าจะมองในทิศทางใดก็ล้วนเป็นสิ่งที่ดีทั้งสิ้นกับทางต้นสังกัดและเราจะต้องติดตามต่อไปว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับ ลิเวอร์พูล เมื่อมี Nunez อยู่ในทีม
